ทหารบุกเยี่ยมที่ทำงาน ‘แกนนำเสื้อแดงพะเยา’

วานนี้ (29 ส.ค.58) ที่จังหวัดพะเยา เจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบจากจังหวัดทหารบกพะเยา ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและพบปะพูดคุยกับนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงาน นปช.พะเยา ถึงที่ทำงาน โดยไม่ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า

นายศิริวัฒน์ให้ข้อมูลว่าในช่วงบ่ายวานนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบจำนวน 4 นาย เดินทางมาที่คอนโดมิเนียม ซึ่งเขาทำงานเป็นผู้ดูแลอยู่ โดยทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวของจังหวัดทหารบกพะเยา ทหารหนึ่งนายในจำนวนนี้เคยมาพูดคุยกับเขาก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่อีกสามนาย เขายังไม่เคยพบมาก่อน

เจ้าหน้าที่ทหารได้พูดคุยสอบถามถึงกิจกรรม ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่บ้าง อาศัยอยู่ที่ไหนเป็นหลัก และสอบถามความคิดเห็นทางการเมืองในช่วงปัจจุบัน ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งพูดคุยว่าเจ้าหน้าที่ยังขอให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบก่อน โดยการพูดคุยใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง

นายศิริวัฒน์เห็นว่าแม้การพูดคุยจะเป็นไปด้วยดี แต่การมาเยี่ยมครั้งนี้เป็นการคุกคามชีวิตส่วนบุคคลในส่วนหนึ่ง เพราะอยู่ๆ เจ้าหน้าที่ก็เดินทางมาในชุดนอกเครื่องแบบ โดยไม่ได้แจ้งนัดหมายก่อนล่วงหน้า และเมื่อมาถึงก็ไม่แจ้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการเดินทางมา แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่เจ้าหน้าที่จะมีการติดต่อเข้ามาก่อนว่าอยากจะพบปะพูดคุย และปกติจะมาในชุดเครื่องแบบที่ชัดเจน หรือบางครั้งที่มีการเชิญไปร่วมกิจกรรมในจังหวัด ก็จะมีการติดต่อมาก่อน ไม่ได้มาโดยไม่บอกกล่าวเช่นครั้งนี้

นายศิริวัฒน์คาดว่าสาเหตุที่เจ้าหน้าที่เดินทางมา อาจเพราะเห็นว่าเขายังมีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองบนโลกออนไลน์อยู่ แม้เขาจะไม่ได้ทำกิจกรรมใดๆ แล้วก็ตาม

ตั้งแต่หลังรัฐประหารเมื่อปีที่แล้วเป็นต้นมา นายศิริวัฒน์ให้ข้อมูลว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่ทั้งเชิญตัวไปพบที่ค่ายทหาร และเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมที่บ้านพัก รวมๆ แล้วเกือบ 10 ครั้ง โดยส่วนใหญ่เป็นการพูดคุยสอบถามความเคลื่อนไหว สอบถามความเห็นทางการเมืองในแต่ละช่วง หรือบางครั้งก็มีเชิญไปร่วมกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ทหารจัดขึ้น เช่น กิจกรรมปรองดอง หรือกิจกรรมส่งมอบฝายชะลอน้ำ เป็นต้น

สำหรับนายศิริวัฒน์ มีบทบาทในการเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงในจังหวัดพะเยาช่วงก่อนการรัฐประหาร เคยเป็นดีเจในสถานีวิทยุชุมชนภายในท้องถิ่น ก่อนต้องหยุดงานดังกล่าวลงภายหลังเกิดการรัฐประหาร และเข้ามาทำงานเป็นผู้ดูแลคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน

1

กิจกรรมปรองดองภายในจังหวัดพะเยาก่อนหน้านี้ นายศิริวัฒน์คนด้านซ้ายมือของภาพ

 (แฟ้มภาพจากมติชนออนไลน์)

ห้ามฉายคลิปผลกระทบการขุดเจาะปิโตรเลียม ตร.อ้างต้องขออนุญาตก่อน

วันที่ 24 ส.ค. 2558 ประชาชนกลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เดินทางไปยื่นหนังสือ ณ ที่ว่าการอำเภอหนองกุงศรี เพื่อขออนุญาตฉายคลิปรายการเปิดปม ตอน เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน หลังจากคืนวันที่ 23 ส.ค. 2558 ระหว่างที่ กลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม ต.หนองใหญ่ กำลังฉายคลิปดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้หยุดฉาย โดยอ้างว่าอาจผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ให้ขออนุญาตจากทางอำเภอก่อน

เนื่องจากวันที่ 23 ส.ค. 2558 ประมาณ 21.00 น. กลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ ได้ฉายคลิปวิดีโอรายการเปิดปม ตอน เปิดแผลปิโตรเลียมอีสาน ออกอากาศทางช่องไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2558 มีเนื้อหาเกี่ยวกับผลกระทบจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้ข้อมูลกับชาวบ้านหนองไม้ตาย ต.โคกเครือ อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ประมาณ 20 คน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบประมาณ 8-9 นาย จาก สภ.หนองกุงศรี และ สภ.ห้วยเม็ก อ้างว่า มีผู้แจ้งว่ามีการฉายคลิปผลกระทบจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ขอให้ตำรวจเข้ามาดำเนินการ

ตำรวจนายหนึ่งกล่าวว่า คลิปข่าวที่เอามาเปิดนั้นผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ ก่อนถามว่าที่ชาวบ้านเอาคลิปข่าวมาเปิดนั้น  ได้รับอนุญาตการฉายมาจากไหน ต้องไปขออนุญาตจากอำเภอก่อนเอามาฉาย เพราะไม่รู้ว่าข้อมูลที่อยู่ในคลิปข่าวจะจริงหรือเท็จ และได้ขอให้หยุดฉายคลิปดังกล่าว ซึ่งกลุ่มรักษ์สิ่งแวล้อม ต.หนองใหญ่ ก็ไม่ได้ฉายคลิปรายการเปิดปมต่อ

ภาพจากคลิป เปิดปม : เปิดแผลปิโตเลียมอีสาน (9 มี.ค.58) โดย ช่อง ThaiPBS SpotPromote บน YouTube

ภาพจากคลิป เปิดปม : เปิดแผลปิโตเลียมอีสาน (9 มี.ค.58) ช่อง ThaiPBS SpotPromote บน YouTube

อ่านเพิ่มเติม

ทหารเดินสายพบพันศักดิ์, บก.ฟ้าเดียวกัน อ้างมาเยียม-แนะนำตัว

ในช่วง 2 วันนี้ ทหารได้เดินทางไปพบบุคคลและบันทึกภาพเพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา บุคคลที่มีทหารไปพบ ได้แก่ พันศักดิ์ ศรีเทพ ผู้ต้องหาคดี ‘เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก’ และ ธนาพล อิ๋วสกุล บก.ฟ้าเดียวกัน

  • ทหารไปบ้านพันศักดิ์ อ้าง ‘มาเยี่ยมเยียนตามปกติ’

วันนี้ (26 ส.ค. 58) ประมาณ 13.00 น. ทหารในชุดลายพราง 4 นาย เดินทางไปพบพันศักดิ์ ศรีเทพ ผู้ต้องหาคดี ‘เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก’ ที่บ้านพัก โดยพันศักดิ์คาดว่าน่าจะเป็นทหารจาก ปตอ. พัน 5 หน่วยเดียวกันกับที่ไปพบธนาพล อิ๋วสกุล ที่สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันเมื่อวานนี้

อ่านเพิ่มเติม

พยานโจทก์รับ ‘บก.ลายจุด’ มีสิทธิต้านรัฐประหารตาม รธน.

ศาลทหารกรุงเทพนัดสืบพยานโจทก์ คดี ‘บก.ลายจุด’ ถูกฟ้องว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 พยานโจทก์เบิกความต่อศาลว่า ขณะควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ทหารอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึกควบคุมตัวสมบัติ บุญงามอนงค์ แต่รับตามที่ทนายจำเลยถามค้านว่าการต่อต้านรัฐประหารของสมบัติ กระทำโดยสันติวิธีตามสิทธิที่จะพิทักษ์รัฐธรรมนูญ รวมถึงได้รับการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค ตามรัฐธรรมนูญอีกด้วย

วันนี้  (24 ส.ค. 2558)  ศาลทหารกรุงเทพนัดสืบพยานโจทก์ในคดีที่ บก.ลายจุด หรือสมบัติ บุญงามอนงค์ ถูกฟ้องว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เวลา 08.30 โดยพยานโจทก์ คือ พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา ผู้ช่วยเจ้าพนักงานผู้ตรวจค้นและพบตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์

ตุลาการศาลทหารกรุงเทพออกนั่งพิจารณา เวลา 09.30 น. พ.ต.ท.วันพิชิต ขึ้นเบิกความต่อศาลว่า ได้รับทราบจากผู้บังคับบัญชาว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นบุคคลผู้ถูกเรียกให้รายงานตัวต่อ คสช. ตามประกาศ คสช.ฉบับที่ 3/2557 ลำดับที่ 60 ลงวันที่ 23 พ.ค. 2557 แต่ไม่ไปรายงานตัวตามประกาศดังกล่าว ตนจึงได้รับคำสั่งให้สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหาร ให้เข้าทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าจะพบตัวนายสมบัติ และได้พบตัวของนายสมบัติในพื้นที่เป้าหมายจริง เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ม.8 และ ม.9 ในการควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ วันที่ 5 มิ.ย. 2557 ที่ จ.ชลบุรี โดยเจ้าหน้าที่ผู้ทำการจับกุมไม่มีหมายจับ ไม่มีหมายค้น ไม่แจ้งข้อกล่าวหา และไม่แจ้งสิทธิแก่ผู้ถูกจับกุม ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ตรวจค้นพบ ดำเนินการเก็บ และนำส่งของกลางต่อพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจพิสูจน์ต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.ท.วันพิชิต ตอบคำถามค้านของทนายจำเลยว่า พยานไม่ทราบว่าการรัฐประหารจะถือว่ามีผลสมบูรณ์เมื่อใด รวมถึงรับตามที่ทนายถามค้านว่า การกระทำของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ออกมาต่อต้านการทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองของ คสช. เป็นการกระทำโดยสันติวิธี ตามสิทธิที่ได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 และ พ.ศ.2550 ซึ่งถือเป็นประเพณีการปกครองประเทศ ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ม.69 ที่ระบุให้บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใด ๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ และ ม.70 ที่ระบุว่า บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ 

นอกจากนี้ พยานโจทก์ยังยอมรับตามที่ทนายถามค้านอีกว่า จำเลยมีสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครอง ตาม ม.4 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ที่บัญญัติว่า ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตุลาการศาลทหารไม่อนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์จดบันทึกระหว่างพิจารณา และการสืบพยานบุคคลปากดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น ศาลจึงได้เลื่อนออกไปสืบอีกในนัดหน้า วันที่ 15 กันยายน 2558 เวลา 08.30 น. โดยที่ฝ่ายโจทก์ยังมีพยานบุคคลที่จะต้องนำเข้ามาสืบอีกทั้งหมดจำนวน 8 ปาก

คดี 112 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้กล่าวโทษ

13 มี.ค. 2558 ชายคนหนึ่งเดินทางไปยื่นคำร้องที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเขียนคำร้องยื่นฟ้องต่อศาลด้วยลายมือลงบนกระดาษ A4 เปล่า หลังจากยื่นคำร้องแล้ว เขาเดินทางกลับไปบ้านเพื่อรอฟังคำตอบ

และข้อความในคำร้องนั่นเอง ที่ทำให้ชายผู้นั้นถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

อ่านเพิ่มเติม