23 พ.ย.58 จากกรณีที่นักวิชาการในนามเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันแถลงข่าว “มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร” ที่โรงแรมไอบิส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.58 ก่อนจะได้รับหมายเรียกจากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือก จังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาร่วมกันมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งหัวหน้าคสช. ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา (ดูรายงานก่อนหน้านี้)
ล่าสุด รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล ระบุว่าส่วนของตนยังไม่ได้รับหมายเรียกดังกล่าว แต่ทางเพื่อนอาจารย์ก็ได้รับหมายเรียกแล้วบางส่วน ทางเครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยจึงได้ตกลงนัดหมายเข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมกัน ที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือกในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) เวลา 15.00 น. เหตุที่ขอนัดในเวลาดังกล่าว เนื่องจากไม่สะดวกในเวลา 9.00 น. ตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่
จากการสอบถามไปยัง ว่าที่พ.ต.อ.ประยูร กาศทิพย์ พนักงานสอบสวนสภ.ช้างเผือก ระบุว่าพ.ท.อภิชาต กันทะวงศ์ เจ้าหน้าที่ทหารผู้รับมอบอำนาจ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อคณาจารย์กลุ่มดังกล่าวภายหลังการแถลงข่าวหัวข้อ “มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร” ไม่กี่วัน คือราวช่วงวันที่ 3 พ.ย. ต่อมาในวันที่ 11 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียกนักวิชาการจำนวน 6 คน ประกอบไปด้วย
- อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์ อาจารย์สาขาวิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- จรูญ หยูทอง นักวิชาการสถาบันทักษิณคดีศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ
- ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
- มานะ นาคำ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- คงกฤช ไตรยวงค์ อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ว่าที่พ.ต.อ.ประยูร กล่าวด้วยว่ากรณีของนายคงกฤช ไตรยวงค์ ซึ่งระบุว่าไม่ได้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่มีการแถลงข่าว แต่กลับถูกออกหมายเรียกด้วยนั้น เป็นการเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ทหารที่มาแจ้งความ นายคงกฤชจึงไม่ต้องเดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวนแล้ว
ส่วนในวันพรุ่งนี้ พนักงานสอบสวนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนเบื้องต้น แต่ยังไม่ได้มีการควบคุมตัวหรือต้องยื่นขอประกันตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาดังกล่าวระบุอยู่ในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 12 บัญญัติว่า “ผู้ใดมั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เว้นแต่เป็นการชุมนุมที่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย”