แพทย์เห็นว่าวิกลจริตแต่สู้คดีได้ คดี 112 รอคำสั่งอัยการฟ้องหรือไม่

4 ก.พ. 2559 นายเสาร์ ชายที่ถูกศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกล่าวหาว่า กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 จากการยื่นคำร้องที่มีเนื้อหาพาดพิงพระมหากษัตริย์ต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถูกพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง นำตัวไปส่งให้พนักงานอัยการทหารเพื่อมีคำสั่งฟ้อง หรือสั่งไม่ฟ้องคดี แต่เนื่องจากพนักงานอัยการต้องใช้เวลาพิจารณาสำนวนคดี จึงนัดมาฟังคำสั่งในวันที่ 20 เม.ย. 2559

หลังจากครบกำหนดฝากขัง ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2558 พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการ เนื่องจากเห็นควรให้งดการสอบสวนและส่งผู้ต้องหาเข้ารับการรักษาอาการป่วยทางจิตที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ จนกว่าจะหายหรือสามารถต่อสู้คดีได้ ตามที่ทนายความได้ยื่นหนังสือขอให้ส่งตัวเสาร์ไปตรวจอาการทางจิต ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.14 เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2559

20 ส.ค. 2558 เสาร์ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ก่อนพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้นำตัวเขาไปเข้ารับการรักษาที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ แพทย์ผู้ทำการรักษาได้ส่งรายงานการตรวจวินิจฉัยโรคและการประเมินความสามารถในการต่อสู้คดีของเสาร์ให้แก่พนักงานสอบสวน ซึ่งทนายความได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถาบันกัลยาณ์เมื่อเดือน ธ.ค. 2558 เพียงว่า เสาร์เป็นผู้วิกลจริตแต่สามารถต่อสู้คดีได้

จากความเห็นแพทย์ที่ระบุว่าเสาร์สามารถต่อสู้คดีได้นั้น คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องคดี พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง จึงได้ส่งสำนวนคดีให้อัยการศาลทหารกรุงเทพ และนำตัวเสาร์ไปพบพนักงานอัยการในวันที่ 4 ก.พ. 2559 แต่พนักงานอัยการแจ้งว่าต้องใช้เวลาพิจารณาสำนวนเพื่อสั่งคดีตามสมควร จึงนัดให้มาฟังคำสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีอีกครั้งในวันที่ 20 เม.ย. 2559 เวลา 10.00 น.

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2559 ทนายความได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้สั่งไม่ฟ้องคดีนายเสาร์ เนื่องจากอาทิตย์ป่วยเป็นโรคจิตเภท มีอาการความคิดหลงผิด เชื่อว่าตนมีความสามารถเกินจริง สามารถสื่อสารกับบุคคลต่าง ๆ ผ่านโทรทัศน์ โทรทัศน์พูดถึงตนเอง และมีความสัมพันธ์พิเศษกับบุคคลสำคัญซึ่งไม่ตรงกับความจริง

นอกจากนี้ เสาร์ยังไม่รู้สำนึกในการกระทำของตน เพราะเชื่ออย่างสนิทใจในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงว่าเป็นความจริง และไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดว่า การยื่นคำร้องที่มีข้อความพาดพิงพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย การกระทำของผู้ต้องหาจึงไม่มีความผิด เพราะขาดเจตนา ซึ่งการถูกดำเนินคดีอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยอาการทางจิต ที่ควรได้รับการรักษาจากสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ไม่เสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ

ทั้งนี้ ทนายความยังไม่เห็นรายงานการตรวจวินิจฉัยโรคและการประเมินความสามารถในการต่อสู้คดีของนายเสาร์ ที่แพทย์ส่งให้แก่พนักงานสอบสวนแต่อย่างใด

ใส่ความเห็น