ประมวลเหตุการณ์จับกุม “พลเมืองโต้กลับ” ทำกิจกรรมไม่เห็นด้วยกับการจับกุมคุมขังตามอำเภอใจ

สมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับห้าราย ประกอบด้วยนายอานนท์ นำภา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์หรือจ่านิว นางพะเยาว์ อัคฮาด นายณัทพัช อัคฮาด (มารดาและพี่ชายของพยาบาลกมลเกดซึ่งเสียชีวิตในการสลายชุมนุมปี 53 ที่วัดปทุมวนาราม) และนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ ถูกควบคุมตัวไปจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระหว่างการทำกิจกรรมแสดงความไม่เห็นด้วยกับการจับกุมคุมขังตามอำเภอใจนายวัฒนา เมืองสุขของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำทั้งหมดขึ้นรถไปยังสถานีตำรวจนครบาลพญาไท ก่อนจะนำตัวจากสน.พญาไทขึ้นรถตู้ออกไปยังกองพลทหารม้าที่ 2 และปล่อยตัวโดยไม่มีข้อกล่าวหา และไม่มีเงื่อนไขในเวลาต่อมา

หลังจากเมื่อวานนี้ (18 เมษายน 2559) นายอานนท์ นำภา ได้โพสท์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ชักชวนให้ประชาชนร่วมแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการจับกุมคุมขังตามอำเภอใจ โดยนัดหมายรวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันที่ 19 เมษายน 2559 เวลา 18.00 น. ใส่เสื้อสีขาว ยืนโดยสงบ และจะจบกิจกรรมในเวลา 18.30 น.

วันนี้ (19 เมษายน 2559) เจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบราวร้อยนายได้เตรียมประจำการบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและสกายวอล์คตั้งแต่ราว 17.00 น. มีรถควบคุมผู้ต้องหาจาก สน.พญาไทราว 5-6 คันจอดรออยู่โดยรอบ และมีพ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รองผู้บัญชาการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และพ.ต.อ.ชณาวิน พวงเพชร ผู้กำกับการ สน.พญาไท ประจำการในพื้นที่ มีสื่อมวลชนรอทำข่าวจำนวนหนึ่ง

เวลา 18.00 น. กลุ่มพลเมืองโต้กลับเดินทางมาถึงสกายวอล์คอนุสาวรีย์ เพื่อยืนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจของคสช. กิจกรรมดำเนินไปได้ราวสิบนาทีเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวนักกิจกรรมสี่คน ประกอบด้วยนายอานนท์ นำภา นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายณัทพัช อัคฮาด และนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ พาตัวลงจากสะพานลอยสกายวอล์ค และนำตัวขึ้นรถไปยังสน.พญาไท

photo_2016-04-19_22-47-27.jpg

ขณะเดียวกันผู้ชุมนุมที่เหลือราว 30-40 คนยังคงอยู่บริเวณสกายวอล์ค ได้แสดงสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว และตะโกนปล่อยตัววัฒนา ระหว่างที่มีแม่ค้าบริเวณอนุสาวรีย์ชัย 2-3 คนมาตะโกนต่อว่าผู้ชุมนุมว่าทำให้ตนเดือดร้อน ทำไมไม่ให้โอกาสทหารทำหน้าที่ เวลาราว 18.15 น. เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ยุติการชุมนุม โดยกล่าวว่าอาจเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะได้ ผู้ชุมนุมบางส่วน นำโดยพันศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ จึงเดินทางไปยัง สน.พญาไท จัดกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักกิจกรรมทั้งห้าคน จุดเทียนและร้องเพลงเพื่อมวลชน

photo_2016-04-19_18-21-04photo_2016-04-19_18-23-18

เวลาราว 18.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวทั้งสี่เข้าห้องสืบสวน และควบคุมตัวพะเยาว์ อัคฮาดที่ตามมาภายหลังด้วยเนื่องจากอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนผู้ถูกควบคุมตัว โดยไม่อนุญาตให้ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้สื่อข่าว หรือเจ้าหน้าที่องค์กรสหประชาชาติที่มาสังเกตการณ์ติดตามเข้าไปในห้องควบคุมตัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำโทรศัพท์มือถือของผู้ถูกควบคุมตัวให้ไว้แก่ทนายความในภายหลัง นายอานนท์ นำภา ได้เล่าในภายหลังกรปล่อยตัวว่าขณะที่ถูกควบคุมตัวไปตนสังเกตเห็นบริเวณหน้าสถานีตำรวจมีรถฮัมวี 2 คันจอดอยู่ และทหารในเครื่องแบบราว 6 นาย ในห้องสืบสวนมีทหารนอกเครื่องแบบราว 4-5 นาย ร่วมอยู่ด้วย

photo_2016-04-19_18-24-55.jpg

ต่อมาเวลาราว 18.30 น. ได้มีรถตู้สีขาวติดสติกเกอร์ ส.พัน.12รอ. มารับตัวทั้งห้าไปโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 20 นาย กันไม่ให้มวลชนเข้าใกล้รถ มีรถฮัมวีนำขบวนนำตัวนักกิจกรรมทั้งห้าคนออกไป เบื้องต้นคาดว่าจะนำตัวไปยัง มทบ.11

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากนำตัวขึ้นรถตู้แล้ว นักกิจกรรมทั้งห้าถูกนำตัวไปยังกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (สนามเป้า) ทั้งหมดถูกนำตัวไปที่ห้องรับรองบริเวณเรือนนอนทหาร เจ้าหน้าที่ได้นำบันทึกการควบคุมตัวมาให้กรอกประวัติ และนำบัตรประชาชนไปถ่ายเอกสารเก็บไว้  ต่อมา พ.อ. บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้เข้ามาพูดคุยอธิบายว่าที่นำตัวมาครั้งนี้ไม่ได้จะจับกุม ไม่ได้ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/58 กิจกรรมวันนี้ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย หรือที่นายอานนท์โพสท์ชักชวนในเฟซบุ๊กนั้นไม่ได้จะเอาผิดแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการแยกตัวนักกิจกรรมมาจากพื้นที่จัดกิจกรรมเนื่องจากเกรงว่าจะมีการปะทะกันกับผู้ที่ไม่เห็นด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่นำเงื่อนไขการปล่อยตัวมาให้ลงชื่อ แต่ทั้งห้าได้เขียนว่าไม่ประสงค์จะลงชื่อยอมรับเงื่อนไข

เวลาราว 19.45 น. ทั้งห้าถูกนำตัวขึ้นรถตู้และนำไปปล่อยตัวที่บิ๊กซีสะพายควาย โดยนักกิจกรรมทั้งห้าคนไม่ถูกตั้งข้อหาใด ๆ ก่อนปล่อยตัว และไม่ได้ลงชื่อยอมรับเงื่อนไขใดๆมีเพียงการจัดทำบันทึกประวัติเท่านั้น

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตต่อการควบคุมตัวดังกล่าวว่า แม้เจ้าหน้าที่ไม่มีการตั้งข้อหา หรือบังคับให้ลงชื่อยอมรับเงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่การควบคุมตัวดังกล่าวยังคงเป็นการควบคุมตัวโดยไม่ชอบและเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออก ซึ่งสังคม องค์กรสิทธิมนุษยชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมติดตามและตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป

 

 

ใส่ความเห็น