4 ธ.ค.2558 ผู้ต้องหา 2 ราย ในคดีวางแผนป่วนกิจกรรม Bike for Dad ถูกนำตัวมาฝากขังครั้งที่ 2ที่ศาลทหาร ทนายความ กนส. เดินทางมาศาลทหารเพื่อแถลงต่อศาลเรื่องที่ตนถูกคุกคามและขัดขวางปฏิบัติหน้าที่จากการเข้าให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้ต้องหาในคดีนี้ซึ่งถูกกล่าวหาหมิ่นสถาบันฯ และกล่าวถึงการคุกคามลูกความของตนเพื่อให้ถอนแจ้งความดำเนินคดีต่อชุดสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันกษัตริย์ฯ ด้วยเช่นกัน และยังไม่ทราบว่าผู้ต้องหาอีก 2 รายตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ที่ใด
เวลา 10.30น.เมื่อกระบวนการฝากขังเสร็จสิ้นทหารได้คุมตัว จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน และนายณัฐพล ณ วรรณ์เล ขึ้นรถกรงขังของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กลับเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนครไชยศรีในมณฑลทหารบกที่ 11 ทันที โดยมีทหารไม่แสดงสังกัดติดอาวุธปืนเล็กยาวทาโวร์รักษาความปลอดภัยระหว่างนำตัวกลับ
เมื่อผู้ต้องหาทั้ง2คนถูกนำตัวกลับแล้ว วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความจากกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชนหรือ กนส.ให้สัมภาษณ์ทนายความได้ปรึกษากันแล้วว่าไม่คัดค้านฝากขัง ปล่อยให้กระบวนการสอบสวนดำเนินการต่อไป แต่ที่แถลงต่อศาลเกี่ยวข้อกับทนายความในคดีนี้ถูกคุกคาม ถูกตั้งข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ
เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของผู้ต้องหาในคดีนี้ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ตนถูกคุกคามว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 27พ.ย. หลังตนเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันกษัตริย์ฯ กรณีขอศาลออกหมายจับ นายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม ทั้งที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำจังหวัดขอนแก่น ก็มีตำรวจกองปราบฯ ติดต่อให้มาพบเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่วันจันทร์เมื่อเข้าเยี่ยมลูกความในเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 เสร็จแล้วแต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ห้ามออกจาก มทบ.11 โดยอ้างว่าต้องอยู่พบนายก่อนแม้ว่าตนจะมีภาระที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกแล้วก็ตาม แม้ว่าภายหลังจะออกมาได้แต่ก็มีตำรวจจากกองปราบฯ ติดตามไปถึงศาลเพื่อติดตามตัวเธอไปกองปราบฯ ซึ่งเมื่อไปถึงเธอถูกขอให้ถอนแจ้งความแต่เธอยืนยันไม่ถอนฟ้อง
แต่เมื่อเธอยืนยันตามที่ได้กล่าวไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้ไปเข้าเยี่ยม นายธนกฤต ทำให้ทราบว่ามีตำรวจ กับทหาร รวม 4 ชุด เข้าสอบปากคำที่เรือนจำขอนแก่น โดยให้นายธนกฤต ถอนแจ้งความแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี นายธนกฤต จึงได้ถอนแจ้งความไป แต่นายธนกฤตได้ทราบว่าตนยังถูกดำเนินคดีและเอกสารทั้งหมดที่เขาเซนชื่อไปเป็นโมฆะจึงมอบหมายให้ทนายความเข้าแจ้งความอีกครั้ง ซึ่งทนายความเบญจรัตน์แจ้งว่า จะเข้าพบรักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวก่อนหากยังคงมีการดำเนินคดีอยู่ตนก็จะแจ้งความดำเนินคดีคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้โดยนายธนกฤตได้ลงชื่อมอบอำนาจให้ทนายความดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว
ส่วนกรณีลูกความอีกหนึ่งคนคือนายฉัตรชัย ศรีวงษาที่ได้รับการปล่อยตัวไปนั้นทนายความเบญจรัตน์ไม่ทราบรายละเอียดปัจจุบันเธอยังไม่สามารถติดต่อนายฉัตรชัยได้ ซึ่งในกรณีนี้ทนายความวิญญัติได้กล่าวเสริมว่าแม้ว่านายฉัตรชัยจะได้รับการปล่อยตัวแล้วแต่ปรากฏว่านายฉัตรชนกซึ่งเป็นคู่แฝดของนายฉัตรชัยได้ถูกจับกุมตัวไป และยังมีอีกรายคือนายวีรชัย ชาบุญมี ซึ่งในตอนนี้ยังไม่ทราบว่าทั้งสองคนนี้ถูกนำตัวไปไว้ที่ใดและถูกจับกุมด้วยข้อหาอะไรแต่ตนสันนิษฐานว่าจะเป็นข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เช่นกัน ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่แจ้งสถานะความเป็นอยู่และสิทธิในการเข้าถึงทนายความด้วย
ทนายความเบญจรัตน์ได้แสดงความเห็นว่าการคุกคามทนายเห็นว่าเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมโดยการขัดขวางการทำงานของทนาย ซึ่งตนอยากให้ได้รับความร่วมมือเพราะได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบกฎหมายทุกอย่าง และนายธนกฤตยังฝากถึงการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ว่ามีข้อเท็จจริงแค่ไหนก็ให้ข่าวแค่นั้นด้วย และทนายความยืนยันว่าในคดีนี้ยังไม่มีการจับอาวุธได้เลย
นอกจากนั้นทนายความวิญญัติได้แถลงข้อเรียกร้องไปถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา 4 ข้อ ได้แก่ ประการแรกขอให้ตรวจสอบกรณีคุกคามทนายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ประการที่สองให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้ความสะดวกในการเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมในเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 เพราะ ที่ผ่านมาไม่สามารถเข้าพบลูกความได้สะดวกแม้ว่าจะปฏิบัติตามขั้นตอนมาตลอด ประการที่สามขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้ต้องหาในฐานะที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และประการสุดท้ายขอยืนยันว่า การทำงานของกลุ่ม กนส. ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้มีเป้าหมายเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด
รายละเอียดที่เกี่ยวข้อง : ประมวลเหตุการณ์คดีผู้ต้องหาวางแผนป่วนกิจกรรม Bike for Dad
THAI LAWYERS FOR HUMAN RIGHTS 