กลุ่มส่องโกงราชภักดิ์แจ้งความกลับ ผบ.พล.ร.9 กับพวก ฐานกระทำข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพ

‘จ่านิว’ และผู้ถูกจับกุมจากกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง 3 คน เข้าให้การเพิ่มเติมที่กองบังคับการปราบปรามกล่าวหา พล.ต.ธรรมนูญ วิถี กับพวกรวม 6 คน ว่าเป็นผู้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเขากับพวกที่สถานีรถไฟบ้านโป่ก่อนนำตัวไปควบคุมทธมณฑล อันเป็นการกระทำข่มขืนใจ หน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพ

7 มี.ค. 2559 นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายกิตติธัช สุมาลย์นพและนายวิศรุต อนุกุล  เข้าให้การเพิ่มเติมต่อ ร.ต.อ.วิชิต สันติสิทธิมนธร รองสารวัตร(สอบสวน)กองกำกับการ5 กองบังคับการปราบปราม เป็นการให้ข้อเท็จจริงประกอบการแจ้งความเพิ่มเติม หลังวันที่ 6 มี.ค. 2559 จ่านิวและพวกได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีเจ้าหน้าที่กระทำการข่มขืนใจ กักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ปราศจากเสรีภาพ

13.00 น. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ให้การว่า เมื่อวัน 7 ธ.ค. 2558 ตนนั่งรถไฟโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการท่องเที่ยวและตรวจสอบการทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบทุจริตในโครงการต่างๆของรัฐได้ จึงได้ประกาศเชิญบุคคลที่สนใจนั่งรถไฟไปด้วยผ่านเฟซบุ๊กของตนระหว่างการเดินทางได้ถูกเจ้าหน้าที่ขัดขวางและเข้าจับกุมที่สถานีรถไฟบ้านโป่งโดยไม่แจ้งสิทธิในการเข้าจับกุม และถูกควบคุมตัวที่หน่วยทหารภายในพุทธมณฑล

สิรวิชญ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติต่อตนอย่างรุนแรงในระหว่างการจับกุมและควบคุมตัวไปยังพุทธมณฑล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี และเจ้าหน้าที่ตามที่ตนได้กล่าวหา

ด้านนายวิศรุต อนุกุลการย์ ให้การว่า เมื่อวัน 7 ธ.ค. 2558 ตนได้เข้าร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปราชภักดิ์และเดินทางไปด้วยตนเอง ซึ่งทราบว่าไม่มีการห้ามเดินทาง และเป็นสิทธิที่จะเดินทางไปได้ การเดินทางครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามที่เป็นข่าวในสื่อมวลชนแต่ขณะที่นั่งรถไฟมาถึงสถานีบ้านโป่ง เจ้าหน้าที่เข้ามาบอกให้ยุติการเดินทาง แต่ตนและพวกไม่ยอมจึงถูกควบคุมตัวไปที่ห้องประชุมของสถานีรถไฟบ้านโป่งก่อนถูกนำตัวไปยังหน่วยทหารที่พุทธมณฑลวิศรุตจำได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงและเจ้าหน้าที่ตำรวจชายเข้ามาพูดคุยด้วยที่พุทธมณฑลเพื่อสอบถามว่าชุมนุมกันอย่างไรมากันกี่คนทราบข่าวจากไหน แต่ไม่ได้แจ้งสิทธิใดๆให้ตนทราบ ก่อนนำเอกสารบางอย่างมาและยืนยันให้ลงชื่อ ซึ่งตนยอมลงชื่อแต่ขีดฆ่าในภายหลัง ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี และเจ้าหน้าที่ตามที่ตนได้กล่าวหา

ต่อมา 16.30 น. ‘แชมป์ 1984’ นายกิตติธัช สุมาลย์นพ ให้การว่าตนเห็นว่าการร่วมกิจกรรมนั่งรถไฟไปราชภักดิ์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2558 ไม่มีลักษณะเป็นกิจกรรมทางการเมือง เพราะระหว่างทางนายสิรวิชญ์ได้บรรยายถึงของดีและสถานที่สำคัญของแต่ละท้องที่ตามทางที่รถไฟผ่านมาตลอดทางตนจึงถือโอกาสมาเที่ยวและตรวจสอบสอบทุจริตของโครงการราชภักดิ์ไปในตัว  เนื่องจากโครงการดังกล่าวสร้างมาจากเงินภาษีประชาชนที่ประชาชนควรมีสิทธิตรวจสอบได้  เมื่อรถไฟมาถึงสถานีบ้านโป่ง พล.ต.ธรรมนูญ วิถี เป็นผู้สั่งการที่สถานีรถไฟบ้านโป่งและออกคำสั่งให้จับกุมผู้ร่วมกิจกรรม ก่อนสั่งให้ทหารพาตนออกจากตู้รถไฟไปขังไว้ที่ห้องประชุมสถานีรถไฟบ้านโป่งโดยอ้างว่าเกรงจะมีมวลชนฝั่งตรงข้ามจะเข้ามาทำร้าย แต่ตนสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้จับกุมมวลชนฝั่งตรงข้าม จึงเข้าใจว่าเป็นข้ออ้างของเจ้าหน้าที่เท่านั้น

‘แชมป์ 1984’ ให้การอีกว่า ระหว่างการจับกุม เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งสิทธิ และนำตัวไปกักขังที่ค่ายพุทธมณฑล ซึ่งมี พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เป็นผู้คุมสถานการณ์ที่พุทธมณฑล และออกคำสั่งให้ทหารควบคุมตัวแชมป์ไว้ในห้องเพียงคนเดียว โดยไม่ให้ทนายเข้าพบกว่า 3 ชั่วโมง

นอกจากนี้กิตติธัชได้มอบภาพถ่ายวันเกิดเหตุ ขณะถูกเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหารจับกุมเป็นหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมหลักฐานจากหนังสือพิมพ์ วันที่ 7 ธ.ค. 2558 ยืนยันว่า โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีอนุญาตให้ตนกับพวกเดินทางไปอุทยานราชภักดิ์ได้

สิรวิชญ์กับพวก ให้การต่ออีกว่า หากพบหลักฐานเพื่มเติม จะนำมาพบพนักงานสอบสวน ภายใน 1 เดือน หลังจากเสร็จสิ้นการให้ปากคำเพิ่มเติม พนักงานสอบสวนให้นายสิรวิชญ์กับพวกตรวจสอบความถูกต้อง และลงชื่อในเอกสารให้การเพิ่มเติม  ก่อนจะรวบรวมสำนวนเพื่อยื่นต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 59 ทั้งสามคนได้แจ้งความให้ดำเนินคดีกับ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9, พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช., นายสุรพล แสวงศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี, นายธวัช สุระบาล รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี, นายสมยศ พุ่มน้อย นายอำเภอบ้านโป่ง, พ.ต.อ.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผกก.สภ.บ้านโป่งและพวกซึ่งยังไม่ทราบชื่อและจำนวน ในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และข่มขืนใจ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 และมาตรา 310 โดยมี ร.ต.อ.วิชิต สันติสิทธิมนธร เป็นผู้รับแจ้งความและลงบันทึกประจำวัน โดยมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามมาสังเกตการณ์การแจ้งความดำเนินคดีด้วย

ด้านสิรวิชญ์เปิดเผยว่า สาเหตุที่มาร้องทุกข์ที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่ในท้องที่เกิดเหตุหรือสถานที่ที่การกระทำความผิดเกิดขึ้น จึงเกรงว่าหากร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งกองบังคับการปราบปรามยังมีอำนาจสอบสวนการกระทำความผิดทางอาญาที่เกิดขึ้นทั่วราชอาณาจักรอีกด้วย

ใส่ความเห็น